"ฝ้า" เป็นปัญหาทางผิวหนังที่มักจะพบได้บ่อย แม้จะไม่มีอันตรายต่อร่างกายของคนเรา แต่มีผลต่อบุคลิกภาพและสุขภาพจิตอย่างมากและคำถามที่ค้างคาใจของใครหลายคนก็ คือ เป็นแล้วหายมั้ย? เรามีคำตอบค่ะ
ฝ้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานิน ผลิตเม็ดสีที่ผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นระหว่างชั้นผิวหนังแท้กับหนังกำพร้า
ลักษณะฝ้า จะเป็นผื่นสีน้ำตาลหรือดำโดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวแก้ม จมูก หน้าผาก คาง หรือบริเวณที่ถูกแสงแดด ผื่นมักจะเกิดขึ้นทีละน้อยช้า ๆ และมักเป็นเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของใบหน้า ฝ้ามักเกิดในช่วงวัยกลางคน อายุระหว่าง 30-40 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า ได้แก่
1. แสงแดด เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นทำให้เกิดฝ้า หรือทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น เนื่องจากในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้งช่วงคลื่นที่เรียก A (ยูวีเอ) และ B (ยูวีบี) ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น.
2. ฮอร์โมน พบผู้ป่วยเป็นฝ้าขณะตั้งครรภ์หรือรับประทานยาคุมกำเนิดได้บ่อย หลังคลอดหรือหยุดยาคุมกำเนิด ผื่นอาจจางลง จึงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศ น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้า โดยเฉพาะในคนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นอยู่แล้ว
3. ยา พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยากันชักบางประเภท มีผื่นดำคล้ำรอยฝ้าขึ้นบริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
4. เครื่องสำอาง การแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำแบบฝ้าได้ ส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นพวกสารให้กลิ่นหอมหรือสี
5. พันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดฝ้า เนื่องจากพบฝ้าได้บ่อยในคนเอเชียมากกว่าคนผิวขาว อย่างไรก็ตามอุบัติการณ์นี้อาจไม่ใช่ผลจากพันธุกรรมจริง แต่อาจเป็นอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมหรือแสงแดดก็เป็นได้
ครีมรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
ครีมกันแดดสูตรพิเศษ SFP 60 ++ (เป็นรองพื้นได้ในตัว)
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/1733
วันที่: Wed Jan 15 19:32:03 ICT 2025
|
|
|